พลวัต update เตรียมสอบ ผอ.สถานศึกษา

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เผยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ คือ เห็นชอบมาตรการในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา พร้อมทั้งอนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา ตลอดจนรับทราบการช่วยเหลือดูแลนักเรียนที่ด้อยโอกาสและยากลำบาก
เห็นชอบมาตรการในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
รมว.ศธ.กล่าวว่า ครม.ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เสนอเกี่ยวกับมาตรการในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ทั้งมาตรการเร่งด่วนและระยะยาว ดังนี้
มาตรการระยะเร่งด่วน (ปี ๒๕๕๑-๒๕๕๔)
ขอคืนอัตราเกษียณร้อยละ ๑๐๐ พร้อมวงเงินจากอัตราเกษียณให้แก่ ศธ.มากกว่าหน่วยงานอื่น ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๑ เป็นต้นไปจนถึงปี ๒๕๕๔ แยกเป็นรายปี คือ
- ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒๙,๕๕๓ อัตรา (แยกเป็นปี ๒๕๕๑ จำนวน ๕,๑๙๒ อัตรา ปี ๒๕๕๒ จำนวน๖,๕๕๘ อัตรา ปี ๒๕๕๓ จำนวน ๗,๖๘๘ อัตรา และปี ๒๕๕๔ จำนวน ๑๐,๑๑๕ อัตรา)
- ระดับอาชีวศึกษา ๑,๐๒๖ อัตรา (แยกเป็นปี ๒๕๕๑ จำนวน ๑๗๕ อัตรา ปี ๒๕๕๒ จำนวน ๒๓๔ อัตรา ปี ๒๕๕๓ จำนวน ๒๘๘ อัตรา และปี ๒๕๕๔ จำนวน ๓๒๙ อัตรา)
สำหรับการขาดแคลนบุคลากรสายสนับสนุน ขอให้จัดสรรเพิ่มตามความจำเป็นและตามกำลังงบประมาณของประเทศ
ควรพิจารณาปรับเกณฑ์การกำหนดอัตราครูใหม่ โดยแยกเป็น ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มครูผู้สอน กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษา และกลุ่มสนับสนุนการสอน รวมทั้งนำภาระงานสอนของครูที่คำนวณเป็นชั่วโมงต่อสัปดาห์มากำหนดอัตรากำลัง ซึ่งกำหนดให้ครูปฏิบัติงานประมาณ ๓๐ ชั่วโมง/สัปดาห์ (งานสอน ๑๙ ชั่วโมง ปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับงานสอน ๑๐ ชั่วโมง และอื่นๆ ๒ ชั่วโมง) นอกจากนี้ยังคิดกลุ่มการเรียนเป็นรายชั้นในระดับมัธยมศึกษา เนื่องจากต้องใช้ครูที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะสาขามากขึ้น
ส่งเสริมสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีความพร้อมให้เข้ามาร่วมจัดการศึกษา และโอนสถานศึกษาไปให้ อปท.ที่ผ่านการประเมินความพร้อม
เร่งแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีโรงเรือนให้แก่สถานศึกษาเอกชน รวมทั้งออกประกาศกระทรวงเพื่อให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ครอบคลุมถึงสถานศึกษาเอกชนด้วย
มาตรการระยะยาว
วางแผนผลิตและพัฒนาครูอย่างเป็นระบบ ให้สอดคล้องกับสภาพการใช้และความต้องการครูฯ อย่างแท้จริง โดยพิจารณาจากแนวโน้มประชากรวัยเรียน และความต้องการทางการศึกษาในอนาคต รวมทั้งจัดตั้งสถาบันเพื่อความเป็นเลิศในการผลิตและพัฒนาครู โดยอาจใช้ชื่อว่า สถาบันกัลยาณิวัฒนา เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
จัดทำแผนงานโครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู โดยคำนึงถึงการพัฒนาคุณภาพ ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ลงทุนสร้างคณาจารย์รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพและปริมาณให้เพียงพอกับความต้องการในการพัฒนาการศึกษา
ทบทวนนโยบายการจำกัดกำลังคนภาครัฐ กรณีเกษียณอายุราชการของครู
ให้มีการศึกษาหาแนวทางขยายเวลาเกษียณอายุราชการ ของข้าราชการครูในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจาก ๖๐ ปีเป็น ๖๕ ปี และคณาจารย์ในระดับอุดมศึกษาจาก ๖๕ ปีเป็น ๗๐ ปี โดยเฉพาะสาขาที่ขาดแคลน
ส่งเสริมสนับสนุนสถานประกอบการ องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันสังคมอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๔๕ มาตรา ๑๒ ให้เข้ามาร่วมจัดการศึกษามากขึ้น โดยรัฐมีมาตรการจูงใจ
เพิ่มสัดส่วนการจัดการศึกษาของเอกชนให้มากขึ้น โดยกำหนดสัดส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชนในปี ๒๕๕๔ เป็น ๗๐ : ๓๐
กระจายอำนาจการจัดการศึกษาให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/สถานศึกษามากขึ้น ทั้งด้านการบริหารงานบุคคล งบประมาณ วิชาการ และบริหารงานทั่วไป ตามความพร้อม
นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนมากขึ้น เช่นการเรียนโดยระบบ e-learning การจัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อเทคโนโลยีที่หลากหลาย เร่งจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อทำหน้าที่เสนอนโยบาย แผน ส่งเสริม ประสานการวิจัย การพัฒนา การใช้ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเทคโนโลยี อันจะส่งผลให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการศึกษาได้เพิ่มมากขึ้น
อนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา พ.ศ. ....
ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ตามที่ ศธ.เสนอดังนี้
จากการที่ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑ เห็นชอบกรอบแผนพัฒนาอุดมศึกษาระยะยาว ๑๕ ปี ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๕๑ – ๒๕๖๕) และให้ ศธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้กรอบแผนพัฒนาอุดมศึกษาระยะยาวในการดำเนินงาน
ซึ่งตามกรอบแผนพัฒนาอุดมศึกษาระยะยาวดังกล่าวได้กำหนดแนวทางการพัฒนาธรรมาภิบาลและการบริหารจัดการอุดมศึกษา โดยเสนอให้มีการปรับโครงสร้างของคณะกรรมการการอุดมศึกษาให้เป็นคณะมนตรี และมีมนตรีหรือกรรมาธิการทำงานเต็มเวลา และมีสำนักงานคณะกรรมาธิการที่มีโครงสร้างที่เอื้อต่อการปฏิบัติภารกิจของคณะกรรมาธิการ โดยให้รวมภารกิจของคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) และคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ให้เป็นระบบเดียวกัน
ศธ.ได้พิจารณากรอบแผนพัฒนาอุดมศึกษาระยะยาวดังกล่าวแล้ว เห็นว่าสมควรที่จะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ เสียใหม่ให้สอดคล้องกับกรอบแผนพัฒนาอุดมศึกษาระยะยาว ๑๕ ปี จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงมีดังนี้
ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา พ.ศ.๒๕๔๖
กำหนดคำนิยาม กรรมการ คณะกรรมการสรรหา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรวิชาชีพ องค์กรเอกชน
กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา
กำหนดจำนวนกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา
กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของประธานกรรมการและกรรมการ
กำหนดวิธีการได้มา และการดำเนินการสรรหา ประธานกรรมการและกรรมการ
กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระของประธานกรรมการและกรรมการ
รับทราบการช่วยเหลือดูแลนักเรียนที่ด้อยโอกาสและยากลำบาก
ครม.รับทราบเรื่อง การช่วยเหลือดูแลนักเรียนที่ด้อยโอกาสและยากลำบาก ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้รายงานเสนอ ดังนี้
ด้วยความห่วงใยในคุณภาพชีวิตของเด็กและนักเรียนที่อยู่ในวัยเรียน ศธ.ได้มอบหมายให้โรงเรียนในสังกัดจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้วยการจัดให้มีครูทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาติดตามดูแลนักเรียนเป็นรายคน มีการเยี่ยมบ้านนักเรียนเพื่อให้ทราบถึงสภาพปัญหาความเป็นอยู่ จัดเครือข่ายผู้ปกครองเพื่อร่วมมือกันดูแล ป้องกัน และแก้ปัญหา ตลอดจนจัดกิจกรรมที่จะดูแลนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ จากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้ทราบว่ามีนักเรียนจำนวนหนึ่งอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก เช่น เจ็บป่วย พิการ หรืออยู่กับผู้ปกครองที่เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือพิการ ไม่สามารถดูแลบุตรหลานได้ หรือนักเรียนต้องอยู่ตามลำพัง ไม่มีผู้ใหญ่ดูแลหรืออยู่ในบ้านพักที่พฤติการณ์ไม่ปลอดภัยเสี่ยงต่อการถูกละเมิด เป็นต้น
ศธ.เห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีทราบถึงสภาพปัญหาของเด็กและเยาวชนในวัยเรียนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในการช่วยเหลือดูแลตามความชำนาญและกำลังความสามารถ คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการนำเสนอคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ เพื่อขอความเห็นชอบที่จะให้ใช้เงินกองทุนคุ้มครองเด็กในการแก้ปัญหาให้แก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก กระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ช่วยเหลือดูแลนักเรียนที่อยู่ในสภาวะยากลำบากตามสภาพความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความช่วยเหลือในการรักษาพยาบาลและดูแลนักเรียนและผู้ปกครองที่เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือพิการ และกระทรวงคมนาคม เพื่อร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้นในกรณีที่นักเรียนต้องเดินทางไกลเพื่อมาโรงเรียน
แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ ๑๑ จำนวน ๓ ราย
ครม.อนุมัติตามที่ ศธ.เสนอให้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งระดับ ๑๑ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ เพื่อทดแทนตำแหน่งผู้เกษียณอายุราชการ ดังนี้
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน รองปลัดกระทรวง (นักบริหาร ๑๐) สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหาร ๑๑) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ
นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงประจำเขตตรวจราชการที่ ๑๕ และ ๑๖ (ผู้ตรวจราชการ ๑๐) ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (นักบริหาร ๑๑) กระทรวงศึกษาธิการ
รองศาสตราจารย์ธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวง (นักบริหาร ๑๐) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา (นักบริหาร ๑๑) กระทรวงศึกษาธิการ (ซึ่งรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทั้ง ๒ ฝ่ายได้ตกลงยินยอมในการโอนแล้ว)
อนึ่ง สำนักราชเลขาธิการจะนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการ ทั้ง ๓ รายดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป.
ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี http://www.moe.go.th/websm/news_aug08/news_aug239.html